การสร้างฟอนต์ลายมือด้วยโปรแกรม
“High-Logic.FontCreator”
บทนำ
ประวัติความเป็นมาของตัวอักษร
ตัวอักษรมนุษย์ได้ประดิษฐ์ขึ้นตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์ตอนต้นตัว อักษรสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสื่อทางการติดต่อตัวอักษรสมัยโบราณ ส่วนมากจะวิวัฒนาการมาจากภาพ เช่น อักษรของอียิปต์ ชื่อว่าอักษรไฮเออโรกลิฟิค (Hieroglyphic) ประมาณ 6,000 ปีล่วงมาแล้ว ยังมีอักษรที่เรียกว่า “อักษรลิ่ม” (Cuneiform) ของชาวซูเมอร์เรียน ซึ่งมีความเก่าแก่เท่า ๆ กันกับอักษรของอียิปต์โบราณ ระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันนั้นเอง ในทวีปเอเซีย ประเทศจีน และอินเดียก็ได้ประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้ ตัวอักษรที่เป็นสากลส่วนมากใช้ตัวอักษรภาษา
อังกฤษต้น ตระกูลของอักษรภาษาอังกฤษคือ อักษรโฟนิเซีย ซึ่งแพร่หลายอย่างกว้าง
ขวางในยุโรปประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสต์กาล ชาวกรีกได้นำไปใช้เป็นหลักการเขียน
ตัวอักษรแล้วนำไปสู่พวกโรมันแก้ไขปรับปรุงจนกลายเป็นอักษรภาษาอังกฤษที่ใช้กัน
อยู่ในปัจจุบัน
การประดิษฐ์ตัวอักษรของไทย
เริ่มในสมัยสุโขทัยเมื่อปี พ.ศ. 1826 โดยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระองค์ทรงดัดแปลงมาจาก อักษรของขอมและอักษรมอญโบราณ นำมาประดิษฐ์ใหม่เป็นตัวอักษร
ของชาติไทย ระยะแรกพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ เรียงแถวกันในบรรทัดเดียวกัน ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ซึ่งบางตัวอยู่ข้างล่าง ข้างบน ข้างหน้า และ ข้างหลัง ดังปรากฏที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
credit : http://www.2-teen.com/community/forum.php?mod=viewthread&tid=24824
Font คืออะไร
-ขั้นตอนการสร้างฟอนต์ด้วยโปรแกรม High-Logic.FontCreator-
ขั้นตอนแรก
Download Template Font จากไฟล์งาน ที่อาจารย์แชร์มาให้ มาแล้วทำการเขียน
บน Template ด้วยลายมือตนเองด้วยปากกาหมึกสีดำเส้นใหญ่หรือจะใช้โปรแกรมที่ถนัดทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย
ขั้นตอนที่ 2
นำ Template Font ที่เขียนด้วยลายมือตนเอง ไปสแกนลงคอมพิวเตอร์ เพื่อนำไฟล์มาใช้งาน โดยที่แสกนด้วยความละเอียดสูงสุด (1600dpi) หรือมากกว่านั้น เพื่องานต่อการมองเห็น และการทำงาน
ขั้นตอนที่ 3
ให้เปิดไฟล์ต้นแบบของฟอนต์ตระกูล CRU-LanChand.ttf เพื่อใช้เป็นตัว Template ในการสร้างฟอนต์ของเราเอง
ขั้นตอนที่ 4
จากนั้นทำการตกแต่ง ลบรอยหยักต่างๆ ทั้งดัดตัวอักษร โดยใช้คำสั่ง Point Mode เพื่อที่จะสามารถ ปรับแต่งตัวอักษรให้ตรงตาม Template ได้
ประวัติความเป็นมาของตัวอักษร
ตัวอักษรมนุษย์ได้ประดิษฐ์ขึ้นตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์ตอนต้นตัว อักษรสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นสื่อทางการติดต่อตัวอักษรสมัยโบราณ ส่วนมากจะวิวัฒนาการมาจากภาพ เช่น อักษรของอียิปต์ ชื่อว่าอักษรไฮเออโรกลิฟิค (Hieroglyphic) ประมาณ 6,000 ปีล่วงมาแล้ว ยังมีอักษรที่เรียกว่า “อักษรลิ่ม” (Cuneiform) ของชาวซูเมอร์เรียน ซึ่งมีความเก่าแก่เท่า ๆ กันกับอักษรของอียิปต์โบราณ ระยะเวลาที่ใกล้เคียงกันนั้นเอง ในทวีปเอเซีย ประเทศจีน และอินเดียก็ได้ประดิษฐ์ตัวอักษรขึ้นใช้ ตัวอักษรที่เป็นสากลส่วนมากใช้ตัวอักษรภาษา
อังกฤษต้น ตระกูลของอักษรภาษาอังกฤษคือ อักษรโฟนิเซีย ซึ่งแพร่หลายอย่างกว้าง
ขวางในยุโรปประมาณ 1,000 ปีก่อนคริสต์กาล ชาวกรีกได้นำไปใช้เป็นหลักการเขียน
ตัวอักษรแล้วนำไปสู่พวกโรมันแก้ไขปรับปรุงจนกลายเป็นอักษรภาษาอังกฤษที่ใช้กัน
อยู่ในปัจจุบัน
การประดิษฐ์ตัวอักษรของไทย
เริ่มในสมัยสุโขทัยเมื่อปี พ.ศ. 1826 โดยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระองค์ทรงดัดแปลงมาจาก อักษรของขอมและอักษรมอญโบราณ นำมาประดิษฐ์ใหม่เป็นตัวอักษร
ของชาติไทย ระยะแรกพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ เรียงแถวกันในบรรทัดเดียวกัน ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม ซึ่งบางตัวอยู่ข้างล่าง ข้างบน ข้างหน้า และ ข้างหลัง ดังปรากฏที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน
credit : http://www.2-teen.com/community/forum.php?mod=viewthread&tid=24824
Font คืออะไร
Font เป็นกลุ่มของตัวอักษรข้อมูลที่พิมพ์ได้ หรือแสดงผลได้ที่กำหนดแบบและขนาด ประเภทการออกแบบสำหรับชุด font คือ typefaceและการแปรผันของการออกเพื่อสร้างเป็นtypeface family เช่น Helvetica เป็น typeface family, Helvetica italic เป็น typeface และ Helvetica italic 10-piont คือ font ในทางปฏิบัติ font และ typefaceใช้โดยไม่เน้นความแม่นยำ
outline font เป็น ซอฟต์แวร์ typeface ที่สามารถสร้างช่วงขนาดของฟอนต์ bitmap font เป็นการนำเสนอแบบดิจิตอลของฟอนต์ที่มีขนาดตายตัว หรือจำกัดกลุ่มของขนาด ซอฟต์แวร์ outlinefont ที่นิยมมาก 2 โปรแกรมปัจจุบันคือ truetype และ adobe'stype1
โดยฟอนต์ true type มากับระบบการ Windows และ Macintosh ส่วน type 1 เป็นมาตรฐาน outline font (ISO 9541) ทั้งฟอนต์ true type และ type 1 สามารถใช้กับเครื่องพิมพ์ adobe's postscript (ถึงแม้ว่า) adobe พูดว่าฟอนต์ type 1 สามารถใช้ได้เต็มที่กับภาษา post script
credit : http://www.com5dow.com
outline font เป็น ซอฟต์แวร์ typeface ที่สามารถสร้างช่วงขนาดของฟอนต์ bitmap font เป็นการนำเสนอแบบดิจิตอลของฟอนต์ที่มีขนาดตายตัว หรือจำกัดกลุ่มของขนาด ซอฟต์แวร์ outlinefont ที่นิยมมาก 2 โปรแกรมปัจจุบันคือ truetype และ adobe'stype1
โดยฟอนต์ true type มากับระบบการ Windows และ Macintosh ส่วน type 1 เป็นมาตรฐาน outline font (ISO 9541) ทั้งฟอนต์ true type และ type 1 สามารถใช้กับเครื่องพิมพ์ adobe's postscript (ถึงแม้ว่า) adobe พูดว่าฟอนต์ type 1 สามารถใช้ได้เต็มที่กับภาษา post script
credit : http://www.com5dow.com
-ขั้นตอนการสร้างฟอนต์ด้วยโปรแกรม High-Logic.FontCreator-
ขั้นตอนแรก
Download Template Font จากไฟล์งาน ที่อาจารย์แชร์มาให้ มาแล้วทำการเขียน
บน Template ด้วยลายมือตนเองด้วยปากกาหมึกสีดำเส้นใหญ่หรือจะใช้โปรแกรมที่ถนัดทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย
| |
| รูปที่ 1.1 :ตัวอย่าง TemplateThai |
| รูปที่ 1.2 :ตัวอย่าง TemplateEnglish |
นำ Template Font ที่เขียนด้วยลายมือตนเอง ไปสแกนลงคอมพิวเตอร์ เพื่อนำไฟล์มาใช้งาน โดยที่แสกนด้วยความละเอียดสูงสุด (1600dpi) หรือมากกว่านั้น เพื่องานต่อการมองเห็น และการทำงาน
| รูปที่ 2.1 :Template English ที่ทำการเขียนแล้ว |
| รูปที่ 2.2 :TemplateThai ที่ทำการเขียนแล้ว |
หลังจากนั้นนำไฟล์ที่สแกนมาเปิดในโปรแกรม Photoshop ขึ้นมาเพื่อปรับแต่งให้ภาพที่ได้มามีความคมชัดยิ่งขึ้น
| รูปที่ 3:ตัวอย่าง TemplateThai-English ที่ทำการเขียนแล้ว |
ขั้นตอนที่ 3
หลังจากปรับแต่งเรียบร้อยให้ทำการเปิดโปรแกรม High-Logic FontCreator 

รูปที่ 4: โปรแกรม High-Logic FontCreator
| รูปที่ 5: Template CRU-LanChand.ttf |
ขั้นตอนที่ 4
เป็นการใส่ตัวอักษรลงไปหรือการปรับแก้ไขตัวอักษรให้เป็นงานของเรานั้นเอง โดยตัวโปรแกมนี้จะให้เรานั้นแก้ไขเป็นตัวๆไปตามลำดับดังนี้ โดยเริ่มต้นให้เปิดโปรแกรม Photoshop ที่เราปรับแต่งภาพไว้ จากนั้ให้ทำการทำการ Crop ตัวอักษรแล้วทำการ Copy ตัวอักษรทีละตัว เพื่อนำไปใช้ Paste ในลงในตัว Template
| รูปที่ 6:เปิดโปรแกรม Photoshop เพื่อ Crop |
| รูปที่ 7:เปิดโปรแกรม High-Logic FontCreator |
| รูปที่ 8: 3.ทำการ Copy จากโปรแกรม Photoshop แล้ว Paste ลงใน Template ที่เราเลือก |
| รูปที่ 9: การดัดตัวอักษร โดยใช้คำสั่ง Point Mode เพื่อที่จะสามารถ ปรับแต่งตัวอักษรได้ |
| รูปที่ 11: ตัวอักษรหลังจากการแก้ไขเรียบร้อย |
| รูปที่ 10: ตัวอักษรก่อนทำการแก้ไข |
ขั้นตอนที่ 5
หลังจากทำครบทุกตัวแล้วเราจึงมาทดสอบการพิมพ์ของฟอนต์ดู โดยการกดปุ่ม F8 เพื่อเปรียบเทียบขนาดของตัวอักษร
ขั้นตอนสุดท้าย
หลังจากตรวจเช็คความเรียบร้อยหมดแล้ว ก่อนที่จะนำฟ้อนต์ลายมือนี้ไปใช้งาน ต้องทำการเปลี่ยนรายละเอียดของผู้ออกแบบเสียก่อน โดยให้ไปที่ Format > Namingซึ่งจะเป็นการใส่ ชื่อ และข้อมูลของฟอนต์ ที่เราออกแบบไป
ขั้นตอนของการติดตั้งฟอนต์
| รูปที่ 12: ทดสอบโดยการกดปุ่ม F8 เพื่อเปรียบเทียบขนาดของตัวอักษร |
และทดสอบโดยการกดปุ่ม F5 เพื่อทำการดูการผสมคำว่าเป็นประโยคได้ถูกต้องหรือไม่
| รูปที่ 13: ทดสอบโดยการกดปุ่ม F5 เพื่อดูการผสมคำว่าเป็นประโยคหรือไม่ |
หลังจากตรวจเช็คความเรียบร้อยหมดแล้ว ก่อนที่จะนำฟ้อนต์ลายมือนี้ไปใช้งาน ต้องทำการเปลี่ยนรายละเอียดของผู้ออกแบบเสียก่อน โดยให้ไปที่ Format > Namingซึ่งจะเป็นการใส่ ชื่อ และข้อมูลของฟอนต์ ที่เราออกแบบไป
| รูปที่ 14: การแก้ไขรายละเอียดของผู้ออกแบบใน Naming |
โดยไปเปลี่ยนรายละเอียดที่ Macintosh Roman และ Windows Unicode BMP (UCS-2) ทั้ง 2 ต้องเปลี่ยนให้เหมือนกันหมด เมื่อเปลี่ยนเสร็จแล้วให้เลือกคำสั่ง Advanced อีกครั้งเพื่อใส่รายละเอียดของผู้ออกแบบ รวมทั้งชื่อของฟอนต์
| รูปที่ 15: การแก้ไขรายละเอียดของผู้ออกแบบใน Advanced Naming |
เมื่อทำการแก้ไขข้อมูลเสร็จแล้ว ให้ทำการ Save โดยไปที่ File > Save As > ไปที่โฟลเดอร์ที่เราเตรียมไว้ และทำการตั้งชื่อไฟล์ เป็นชื่อเดียวกับชื่อฟอนต์ของเรา เมื่อทำการ Save แล้ว สกุลของไฟล์นั้นจะเป็น (ชื่อฟอนต์ที่เราตั้ง).ttf
ขั้นตอนของการติดตั้งฟอนต์
การลงฟอนต์ และนำไปใช้งาน ให้เรา Copy File Font ที่เรา Save ออกมา ไปลงที่ Control Panel > Fonts เพียงเท่านี้เราก็สามารถที่จะใช้ฟอนต์ที่เราออกแบบขึ้นเองได้
| รูปที่ 16: การติดตั้งฟอนต์ลายมือ ให้ระบบปฏิบัติการ Window 7 |
สรุปการทำงาน
การทำงานออกแบบฟอนต์ลายมือ โดยใช้โปรแกรม High-Logic FontCreator นั้นเป็นโปรแกรมที่ค่อนข้างที่จะทำงานง่าย ไม่ค่อยยุ่งยากในการทำงาน รวมทั้งยังสามารถใช้คำสั่ง Copy จาก Photoshop หรือโปรแกรมออกแบบต่างๆ แล้วสามารถ มา Paste ลงในตัวโปรแกรมเลย ซึ่งค่อนข้างสะดวกมาก รวมทั้งตัว Template ที่ใช้นั้นก็ไม่ต้องปรับเปลี่ยนตำแหน่งมากมาย จึงทำให้การออกแบบฟอนต์ลายมือนี้
ทำงานง่ายขึ้นไปอีก แต่ข้อเสียคือถ้าเราเขียนแล้วมาสแกน แล้ว Copy จาก Photoshop แล้วมา Paste ลงในตัวโปรแกรมเลย ตัวอักษรก็จะไม่ค่อยคมเท่าที่ควร (ตามรูปที่ 8,10) แต่ถ้าจะให้ตัวอักษรดูคมและชัดขึ้น เราต้องมาค่อยๆ ปรับ ในส่วนของ Point Mode ค่อยๆ ดึงตัว Node หรือลบ Node (ตามรูปที่ 9) ซึ่งแต่ละตัวก็ค่อนข้างจะกินเวลานานพอสมควร กว่าจะปรับแต่ละตัวให้ดูคมมากขึ้น
ทำงานง่ายขึ้นไปอีก แต่ข้อเสียคือถ้าเราเขียนแล้วมาสแกน แล้ว Copy จาก Photoshop แล้วมา Paste ลงในตัวโปรแกรมเลย ตัวอักษรก็จะไม่ค่อยคมเท่าที่ควร (ตามรูปที่ 8,10) แต่ถ้าจะให้ตัวอักษรดูคมและชัดขึ้น เราต้องมาค่อยๆ ปรับ ในส่วนของ Point Mode ค่อยๆ ดึงตัว Node หรือลบ Node (ตามรูปที่ 9) ซึ่งแต่ละตัวก็ค่อนข้างจะกินเวลานานพอสมควร กว่าจะปรับแต่ละตัวให้ดูคมมากขึ้น